JACKPOT 3,314,222.43
settrade ตลาดหลักทรัพย์ของไทย “ SETSMART on Internet” เป็นข้อมูลทางอินเทอร์เน็ตของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยและระบบฐานข้อมูล Thailand Future Exchange ที่พัฒนาโดยตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (“ SET”) บริการนี้ผสานรวมราคาและดัชนีการซื้อขายล่วงหน้าและราคาซื้อขายล่วงหน้าข้อมูล บริษัท จดทะเบียนข่าวสารและสถิติที่สำคัญเข้าไว้ด้วยกันอย่างไร้รอยต่อ นักลงทุนสามารถเรียนรู้และใช้บริการนี้ได้อย่างง่ายดายซึ่งอาจเป็นช่องทางเลือกในการเข้าถึงข้อมูลซึ่งโดยปกตินักวิเคราะห์มืออาชีพเท่านั้นที่สามารถเข้าถึงได้
ข้อมูลย้อนหลังแบบเรียลไทม์และ 5 ปีของการซื้อขายดัชนีหุ้นและอนุพันธ์รวมถึงข้อมูลพื้นฐานของ บริษัท จดทะเบียนเช่นข่าวงบการเงินการดำเนินการขององค์กร
มีฟังก์ชั่นมากกว่า 60 รายการที่จะช่วยคุณคัดกรองหุ้นจัดอันดับเปรียบเทียบและวิเคราะห์เชิงลึกอย่างมืออาชีพ
สามารถส่งออกไปยังโปรแกรม MS Excel เพื่อใช้งานได้ทันที
รองรับอุปกรณ์หลายเครื่องเช่นพีซีหรือมือถือ
สามารถเข้าถึงบริการได้จากทุกที่ทุกเวลา เพียงเข้าสู่ระบบที่ www.setsmart.com จากนั้นป้อนชื่อผู้ใช้และรหัสผ่านของคุณและคุณก็พร้อมที่จะไป joker gaming
ผู้ใช้เป็นบุคคลธรรมดาที่ใช้ SETSMART เพื่อการใช้งานภายในและส่วนบุคคลเท่านั้นและไม่สามารถแจกจ่ายหรือเผยแพร่ข้อมูลที่อยู่ใน SETSMART ไปยังบุคคลที่สามได้ ตลท. ขอสงวนสิทธิ์ในการให้บริการ SETSMART ประเภทนี้แก่บุคคลธรรมดาเท่านั้น ใบเสร็จรับเงินสำหรับ SETSMART ประเภทนี้จะออกในนามของผู้ใช้ที่เป็นบุคคลธรรมดาที่สมัครสมาชิก SETSMART (ตลท. จะไม่ออกใบเสร็จในนามนิติบุคคลทุกกรณี)
Package | ราคา |
---|---|
1 เดือน (30 วัน) | 250 บาท |
6 เดือน (180 วัน) | |
12 เดือน (360 วัน) |
ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยหรือตลท. เป็นตลาดหลักทรัพย์หลักและแห่งเดียวในประเทศไทย SET เป็นตลาดหลักทรัพย์ที่ใหญ่เป็นอันดับสองของอาเซียนโดยมีมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดอยู่ที่ 473,000,000,000 ดอลลาร์สหรัฐ ณ เดือนมิถุนายน 2563 [ต้องการอ้างอิง] แต่ได้รับการครองตำแหน่งเป็นตลาด IPO ที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาคโดยมีเงินสะสม 17.8 พันล้านดอลลาร์สหรัฐที่ระดมทุนได้ในช่วงปี 2558 ถึงเดือนมิถุนายน 2563
SET ยังเป็นตลาดที่มีการซื้อขายมากที่สุดในอาเซียนด้วยมูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันที่ 2.16 พันล้านเหรียญสหรัฐ ณ เดือนมิถุนายน 2563 ณ สิ้นปี 2562 มี บริษัท จดทะเบียน 556 แห่งในตลาดหลักทรัพย์เอ็มเอไอ 169 แห่งและพันธบัตรไทย 228 แห่ง แลกเปลี่ยน (TBX) หลักทรัพย์ประเภทอื่น ๆ กระแสใบไม้ที่ปลิดปลิว
รวมทั้งใบสำคัญแสดงสิทธิใบสำคัญแสดงสิทธิอนุพันธ์ (DW) ใบแสดงสิทธิผู้ฝาก (DR) กองทุนซื้อขายแลกเปลี่ยน (ETF) กองทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ (REIT) และกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานยังจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ปกรณ์พีทธวัชชัยประธานตลาดหลักทรัพย์ฯ เข้ารับตำแหน่งตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายน 2561 แทงบอลออนไลน์ ที่นี่ ufabet
ตลท. มุ่งหวังให้ตลาดทุนเป็นตัวขับเคลื่อนการเติบโตของเศรษฐกิจไทยและเป็นประโยชน์ต่อผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกฝ่าย วัตถุประสงค์ดังกล่าวรวมอยู่ในวิสัยทัศน์ของ SET“ To Make the Capital Market ‘Work’ for Everyone”
ตลาดทุนไทยสมัยใหม่มีต้นกำเนิดย้อนกลับไปในช่วงต้นทศวรรษ 1960 ในปีพ. ศ. 2504 ประเทศไทยได้ใช้แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติฉบับแรก 5 ปีเพื่อส่งเสริมการเติบโตทางเศรษฐกิจและความมั่นคงตลอดจนพัฒนามาตรฐานการครองชีพของประชาชน ต่อมาแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติฉบับที่ 2 (พ.ศ. 2510-2514) ได้ริเริ่มจัดตั้งตลาดหลักทรัพย์แห่งแรกของประเทศไทยเพื่อมีบทบาทสำคัญในการระดมทุนเพื่อสนับสนุนการพัฒนาเศรษฐกิจและอุตสาหกรรมของประเทศ
ยุคใหม่ของตลาดทุนไทยแบ่งออกเป็น 2 ช่วงเริ่มจากตลาดหลักทรัพย์กรุงเทพ (BSE) โดยเอกชนไปจนถึงตลท.
ตลาดหลักทรัพย์แห่งแรกของไทยก่อตั้งเมื่อเดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2505 ในรูปแบบห้างหุ้นส่วนจำกัด ในปี 2506 ตลาดหลักทรัพย์ได้จดทะเบียนเป็นบริษัทจำกัดและเปลี่ยนชื่อเป็น Bangkok Stock Exchange Co. , Ltd. (BSE) SLOT
แม้ว่า BSE จะเป็นสถานที่ที่ดีสำหรับการซื้อขายหุ้น แต่ก็ได้รับความสนใจอย่าง จำกัด มูลค่าการซื้อขายต่อปีอยู่ที่ 160 ล้านบาทในปี 2511 และ 114 ล้านบาทในปี 2512 ปริมาณการซื้อขายยังคงลดลงอย่างรวดเร็วเป็น 46 ล้านบาทในปี 2513 และลดลงอีก 28 ล้านบาทในปี 2514 ในขณะที่มูลค่าการซื้อขายหุ้นกู้สูงถึง 87 ล้านบาท ในปีพ. ศ. 2515 การซื้อขายหุ้นยังคงดำเนินไปได้ไม่ดีนักโดยมีมูลค่าการซื้อขายต่ำสุดตลอดเวลาเพียง 26 ล้านบาท ในที่สุด BSE ก็หยุดดำเนินการในช่วงต้นทศวรรษ 1970
ความล้มเหลวของ BSE อาจเกิดจากการขาดการสนับสนุนจากรัฐบาลและความเข้าใจที่ จำกัด ของคนไทยเกี่ยวกับตลาดตราสารทุนในเวลานั้น
แม้จะมีความล้มเหลวของ BSE แต่แนวคิดเกี่ยวกับการจัดตั้งตลาดหุ้นที่มีการควบคุมอย่างดีซึ่งได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลได้รับความสนใจอย่างกว้างขวางจากสาธารณชน แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติฉบับที่ 2 (พ.ศ. 2510-2514) จึงเสนอให้มีการจัดตั้งตลาดทุนเป็นครั้งแรกเพื่อจัดให้มีมาตรการและเครื่องมือที่เหมาะสมเพื่ออำนวยความสะดวกในการซื้อขายหลักทรัพย์
ในปี พ.ศ. 2512 ตามคำแนะนำของธนาคารโลกรัฐบาลได้แต่งตั้งศาสตราจารย์ซิดนีย์เอ็ม. ร็อบบินส์จากมหาวิทยาลัยโคลัมเบียเพื่อศึกษาพัฒนาการของตลาดทุนไทย ศาสตราจารย์ร็อบบินส์เคยดำรงตำแหน่งหัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ที่สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์แห่งสหรัฐอเมริกา ในปีเดียวกันนี้ได้พิสูจน์ให้เห็นถึงเหตุการณ์สำคัญสำหรับตลาดทุนไทยเนื่องจากธนาคารแห่งประเทศไทยได้จัดตั้งคณะทำงานด้านการพัฒนาตลาดทุนโดยมีหน้าที่จัดตั้งตลาดหุ้น อีกหนึ่งปีต่อมาในปี พ.ศ. 2513 ศาสตราจารย์ร็อบบินส์ได้จัดทำรายงานฉบับสมบูรณ์เรื่อง “ตลาดทุนในประเทศไทย” รายงานฉบับนี้กลายเป็นแผนแม่บทในการพัฒนาตลาดทุนไทยในอนาคต
ในปี พ.ศ. 2515 รัฐบาลไทยได้ก้าวไปอีกขั้นในการสร้างตลาดทุนโดยแก้ไข “ประกาศคณะกรรมการบริหารฉบับที่ 58 เรื่องการควบคุมการดำเนินการทางการค้าที่มีผลต่อความปลอดภัยและสวัสดิการสาธารณะ” การเปลี่ยนแปลงดังกล่าวได้ขยายการควบคุมและกฎระเบียบของรัฐบาลสำหรับการดำเนินงานของ บริษัท เงินทุนและหลักทรัพย์ซึ่งจนถึงขณะนั้นได้ดำเนินการอย่างเสรีอย่างเป็นธรรม จากนั้นในเดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2517 ได้มีการออกกฎหมายที่รอคอยมานานสำหรับการจัดตั้งตลาดหลักทรัพย์เพื่อให้มีการซื้อขายหลักทรัพย์เพื่อส่งเสริมการออมและการระดมทุนภายในประเทศ ตามด้วยการแก้ไขประมวลรัษฎากรในช่วงปลายปีที่อนุญาตให้ลงทุนเงินออมในตลาดทุนได้ ภายในปีพ. ศ. 2518 ได้มีการกำหนดกรอบกฎหมายพื้นฐานและในวันที่ 30 เมษายน 2518 ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยได้เริ่มทำการซื้อขายอย่างเป็นทางการ เมื่อวันที่ 1 มกราคม 2534 ได้เปลี่ยนชื่อเป็นตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) อย่างเป็นทางการ